ค่าเงินดอลล่าห์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้นของวันพุธ โดยราคาขยับขึ้นมาจากระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆที่สำคัญ เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของภาคการผลิตของสหรัฐ ทำให้มีการคาดการณ์ว่า FED จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายเร็วขึ้นกว่าปกติ
Dollar Index เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลัก อยู่ต่ำกว่า 90 หลังจากที่ก่อนหน้านี้อยู่ระดับต่ำสุดในวันอังคารที่ 89.662 และยังเข้าใกล้ระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. ที่ 89.533
ชินิจิโร คาโดตะ นักยุทธศาสตร์สกุลเงินอาวุโสที่บาร์เคลย์ส (LON:BARC) ในโตเกียวกล่าว “ทิศทางของค่าเงินดอลล่าห์ยังเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ตอนนี้ตลาดมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ที่อาจจะเกิดขึ้นแค่ชั่วคราวอย่างที่ FED กล่าว “
“หรือภาวะเงินเฟ้อออาจจะเกิดขึ้นนานกว่านั้น และกดดันให้ FED ปรับเปลี่ยนนโยบายเร็วกว่าที่คาสดการณ์ไว้ แม้ว่าเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้น แต่ FED ก็ยังยืนยันว่าเป็นแค่เรื่องที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และเราก็ต้องอยู่กับความไม่แน่นอนนี้”
ในช่วงเวลานี้ เงินยูโรและเงินหยวนจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อค่าเงินดอลล่าห์สหรัฐ ว่าจะสามารถแข็งตค่าขึ้นมาได้หรือไม่
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สถาบันเพื่อการจัดการอุปทาน (ISM) กล่าวว่าตัวเลข index of U.S. manufacturing activity ที่เพิ่มขึ้นนั้น เกิดจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ส่งผลลทำให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น
ISM ยังกล่าวว่าภาคการผลิตนั้นจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็จะมีผลกระทบจากการที่ต้องมีการหยุดการผลิต เนื่องจากเกิดภาวะขาดแคลบนแรงงานและชิ้นส่วน
นักลงทุนจับตามองตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม(NFP) ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน ตัวเลข NFP ที่ประกาศออกมาน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้และทำให้ Dollar Index อ่อนค่าลง 0.7% ในวันที่ 7 พฤษภาคม
ค่าเงินยูโรซื้อขายอยู่ที่ 1.2222 ดอลล่าห์ ราคามีการดึงกลับหลังจากที่สามารถขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือนในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่ราคา 1.22545
ค่าเงินปอนด์ราคาลดลงมาอยู่ที่ 1.4160 ดอลล่าห์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ราคาไปอยู่ที่จุดสูงสุดในรอบ 3 ปี ที่ 1.4250 ในวันอังคาร
ค่าเงินดอลล่าห์แคนนาดา ราคาอยู่ที่ 1.20590 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ราคาอยู่ที่จุดสูงสุดในรอบ 6 ปี ที่ 1.2007 เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น