ค่าเงินดอลล่าห์แข็งค่าขึ้นในวันพฤหัสบดี( 13 พ.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้นและ U.S. consumer prices ที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ทำให้เกิดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
นักลงทุนยังให้ความสนใจกับอัตราการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่จะประกาศในวันนี้และตัวเลข retail sales ที่จะประกาศในวันศุกร์เพื่อคาดการณ์ว่า consumer prices จะเพิ่มขึ้นสูงกว่านี้อีกหรือไม่
นักวิเคราะห์ได้กล่าวว่า ” ค่าเงินดอลล่าห์สหรัฐมีโอกาสแข็งค่ามากขึ้น หลังจากที่นักลงทุนได้หันมาสนใจดอลล่าห์สหรัฐเพิ่มมากขึ้น จากภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวหลังจากเกิดการระบาดของไวรัส COVID – 19
Shinichiro Kadota นักยุทธศาสตร์การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของ Barclays (LON: BARC) กล่าว “การเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลล่าห์ที่แข็งค่าขึ้นเป็นผลมาจากตัวเลข U.S. consumer prices ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก และตลาดคาดหวังจากอัตราเงินเฟ้อที่จะเพิ่มสูงขึ้นตามด้วย”
U.S. consumer prices เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 12 ปี ในเดือนเมษายน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวจากสถานการณ์ COVID 19 ทำให้มีการจับจ่ายมาก
ขึ้นอย่างมาก
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์อยู่ที่ 1.7040 % ซึ่งทำให้นักลงทุนสนใจถือครองสกุลเงินดอลล่าสหรัฐเพิ่มมากขึ้น
สัญญาณจากตลาดแรงงานและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นหลักฐานที่จะกดดันอัตราเงินเฟ้อให้เพิ่มสูงขึ้นซึ่งจะส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและค่าเงินดอลล่าห์เพิ่มสูงขึ้น
ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลล่าสหรัฐอยู่ที่ระดับ 1.2083 ดอลล่าห์
USDJPY ราคาซื้อขายอยู่ที่ระดับ 109.55 เยนใกล้ระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์
