ค่าเงินดอลล่าห์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือน เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในวันพฤหัสบดี หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ(FED) คาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในปี 2566 โดยอ้างอิงจากการนคลี่คลายของสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 และให้น้ำหนักการระบาดต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อยลง
Dollar Index เมื่อเทียบกับสกุลเงินคู่แข่ง 6 สกุล ขยับขึ้นสู่ระดับ 91.459 ในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 1 % ในชั่วข้ามคืน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปีที่แล้ว
มีเพียงเงินสกุลเงินของดอลล่าห์นิวซีแลนด์เท่านั้น ที่ยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐ โดยเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากข้อมูลทางเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์แสดงให้เห็นว่ามีการเติบโตมากกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
เจ้าหน้าที่ FED 11 คนได้แจ้งว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ขึ้นอย่างน้อย 0.2% ในปี 2566 แต่ถึงอย่างนั้น FED ก็ยังคงแถลงว่าจะรักษานโยบายไว้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของการจ้างงาน
การคาดการณ์นี้เป็นมุมมองของ FED ที่แสดงให้เห็นเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ ถึงแม้ว่า FED จะออกมาย้ำตลอดว่าอัตราเงินเฟ้อที่เ้กิดขึ้นเป็นแค่เรื่องชั่วคราว การเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมคาดว่าจะแตะ 7 %
นักวิเคราะห์จาก TD Securities ได้เขียนไว้ในบันทึกการวิจัยว่า “การที่ FED กลับลำแบบนี้ สนับสนุนค่าเงินดอลล่าห์สหรัฐในระยะสั้น”
“การประกาศว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการแถลงนโยบายนี้ น่าจะทำให้ค่าเงินดอลล่าห์สหรัฐแข็งค่าขึ้นประมาณ 2 % ในช่วงเดือนนี้”
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.5890% ในช่วงตลาดเอเชีย หลังจากที่ก่อนหน้านี้พุ่งขึ้นสูงถึง 1.5940 % จากที่เคยอยู่ต่ำสุดเมื่อวันพุธที่ 1.4820 %
GBP/USD ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. ที่ 1.39745 ดอลล่าห์
ค่าเงินดอลล่าห์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร ที่ 1.1984 ดอลล่าห์ต่อยูโร โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 1% จากช่วงก่อนหน้านี้
USD/JPY แข็งค่าขึ้นอยู่ที่ 110.825 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ดดยเพิ่มขึ้น 0.6% ในชั่วข้ามคืน