ดอลล่าห์สหรัฐอ่อนค่า หลังจาก FED ไม่เปลี่ยนท่าที และตรึงดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไป

ค่าเงินดอลล่าห์ยังลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน หลังจาก ที่ FED ยังคงยืนยันว่าจะใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปในระยะยาว

Dollar Index ลดลงอีก 0.2% ทำให้เดือนเมษยนนี้ลดลงแล้วกว่า 2.8 % ลดลงต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ติดต่อกัน นับเป็นการสูญเสียรายเดือนมากที่สุด นับตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2020 ที่เคยลดลงไปกว่า 4 %

ในการประชุมรอบล่าสุดของ FED เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานธนาคาร FED นายเจอโรม พาวเวลล์ ยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ยังไม่มีหลักฐานว่าจะเติบโตในระยะยาว

การเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัญนั้นสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษ จากการกระตุ้นเศรษฐกิจและการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างมหาศาลของรัฐบาลสหรัฐ

สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐโดยเฉพาะตลาดแรงงาน อาจจะกดดันให้ FED ลดการเข้าซื้อสินทรัพท์ลง ซึ่งก่อนหน้านี้มาตรการดังกล่าวทำให้ Dollar Index พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน

นักยุทธศาสตร์ของ Westpac กล่าว ” DXY(Dollar Index) อาจจะมีการ Rebound ในไม่กี่วันข้างหน้า เนื่องจากนักลงทุนต่างคาดหวังว่าตัวเลข Non Fram Payroll ที่จะประกาศออกมานั้นจะดีกว่าที่คาดการณ์กันเอาไว้ ซึ่งจะสวนทางกับคำพูดของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน FED “

ดอลล่าห์แคนนาดา พุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ที่ 1.2273 ดอลล่าห์เมื่อเทียบกับดอลล่าห์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.7% ในสัปดาห์นี้ สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน

ค่าเงินยูโรทรงตัวอยู่ที่ 1.2122 ดอลล่าห์ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนที่ 1.2150 ดอลล่าห์ในช่วงก่อนหน้านี้

ค่าเงินเยนนั้นยังอ่อนค่าลง สวนทางกับสกุลเงื่นหลักอื่นๆ โดยได้รับผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เพิ่มขึ้น และการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก ทำให้นักลงทุนสนใจเงินเยนที่ถือว่าเป้นสินทรัพท์ที่ปลอดภัยลดลง

ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับ 108.86 ต่อดอลล่าห์ ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 109.22

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 5.6 ดอลลาร์ หรือ 0.32% ปิดที่ 1,768.3 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.665% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.329% เมื่อคืนนี้

ทั้งนี้การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะดึงดูดให้นักลงทุนหันเข้าซื้อพันธบัตร แต่จะเทขายทอง ในการปรับพอร์ตการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย

นอกจากนี้ นักลงทุนส่วนหนึ่งเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 ขยายตัว 6.4% ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ในช่วง 6.1-6.5% และเป็นตัวเลขการขยายตัวสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ไตรมาส 3/2546

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 13,000 ราย สู่ระดับ 553,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2563

อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำปรับตัวลงไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป และจะยังไม่ปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แม้เศรษฐกิจสหรัฐมีการฟื้นตัวแข็งแกร่งมากขึ้นก็ตาม

Ether ลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ที่ 2,800.89 ดอลล่าห์ ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากที่สื่อรายงานว่าธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งยุโรป มีแผนที่จะขายพันธบัตรดิจิตอล บนเครือข่าย ethereum blockchain

Bitcoin ซื้อขายอยู่ที่ระดับ 53,511.89 ดอลล่าห์ โดยขยับขึ้นเป็นรอบๆ หลังจากที่ในวันอาทิตย์ดิ่งไปอยู่ที่ระดับ 47,004.20 ดอลล่าห์